วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและการสื่อสาร


บทที่ 4 ระบบเครือข่ายและการสื่อสาร

                                           
4.1 บทบาทของการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์
     ปัจจุบันมีการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์ในการคำนวณและเก็บข้อมูล รวมถึงการสื่อสาร ข้อมูล และการแลกเปลี่ยนข้อมูลการสื่อสาร
       การสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ก่อให้เกิดประโยชน์ดังนี้
1.ความสะดวกในการแบ่งปันข้อมูล ปัจจุบันมีข้อมูลจำนวนมากสามารถถูกผ่านเครือข่ายการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว
2.ความถูกต้องของข้อมูล การรับส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ผ่านเครือข่ายการสื่อสารเป็นการส่งแบบดิจิทัล
3.ความเร็วของการรับส่งข้อมูล การใช้คอมพิวเตอร์ในการส่งข้อมูลหรือค้นหาข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสัญญาณทางไฟฟ้าเดินทางด้วยความเร็วใกล้เคียงความเร็วแสง
4.การประหยัดค่าใช้จ่ายในการสื่อสารข้อมูล การรับและส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายการสื่อสารสามารถทำได้ในราคาถูกกว่าการสื่อสารแบบอื่น เช่น การใช้งานโทรศัพท์โดยผ่านอินเทอร์เน็ตหรือที่เรียกว่า วอยซ์โอเวอร์ไอพี
5.ความสะดวกในการแบ่งปันทรัพยากร ในองค์กรสามารถใช้อุปกรณ์สารสนเทศร่วมกันได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายติดตั้งอุปกรณ์ให้กับทุกเครื่อง เช่น เครื่องพิมพ์
6.ความสะดวกในการประสานงาน ในองค์กรที่มีหน่วยงานย่อยหลายแห่งที่อยู่ห่างไกลกันสามารถทำงานประสานกันกันผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต
7.ขยายบริการขององค์กร เครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้องค์กรสามารถกระจายที่ทำการไปตามจุดต่างๆที่ต้องการบริการ เช่น ธนาคารมีสาขาทั่วประเทศ
8.การสร้างบริการรูปแบบใหม่บนเครือข่าย การให้บริการต่างๆ ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าใช้บริกการได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น การซื้อสินค้าผ่านร้านค้าออนไลน์

4.2 การสื่อสารข้อมูล
       หมายถึง การแลกเปลี่ยนข้อมูล/ข่าวสาร โดยผ่านทางสื่อกลางในการสื่อสาร ซึ่งอาจเป็นสื่อกลางประเภทที่มีสายหรือไร้สายก็ได้
     1.ข้อมูล/ข่าวสาร ( data/message ) คือ ข้อมูลหรือสารสนเทศต่างๆ ที่ต้องการส่งไปยังผู้รับโดยข้อมูล/ข่าวสารประกอบด้วยข้อความ ตัวเลข รูปภาพ เสียง
   
     2.ผู้ส่ง ( sender ) คือ คนหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับส่งข้อมูล/ข่าวสาร ซึ่งอาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เป็นต้น
    3.ผู้รับ ( receiver ) คือ คนหรืออุปกรณ์ที่ใช้สำหรับรับข้อมูล/ข่าวสารที่ทางผู้ส่งข้อมูลส่งให้ซึ่งอาจเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ เป็นต้น
    4.สื่อกลางในการส่งข้อมูล ( transmission media ) คือ สื่งที่ทำหน้าที่ในการรับส่งข้อมูล/ข่าวสารไปยังจุดหมายปลายทาง โดยสื่อกลางในการรับส่งข้อมูลจะมีทั้งแบบมีสาย และแบบไร้สาย
   5.โพรโทคอล ( protocoll ) คือ กฎเกณฑ์ ระเบียบ หรือข้อปฏิบัติต่างๆ ที่กำหนดชึ้นมาเพื่อเป็นข้อตกลงในการสื่อสารข้อมูลระหว่างผู้รับและผู้ส่ง

     4.2.1 สัญญาณที่ใช้ในระบบการสื่อสาร แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1. สัญญาณแอนะล็อก  2.สัญญาณดิจิทัล  สัญญาณแอนะล็อกเป็นสัญญาณที่มีขนาดแอมพิจูด ที่เปลี่ยนแปลงตามเวลาและเป็นค่าต่อเนื่อง ส่วนสัญญาณดิจิทัลเป็นสัญญาณที่ไม่มีความต่อเนื่อง ที่ เรียกว่า ดิสครีต ( discrete )
  
     
สัญญาณแอนะล็อกและสัญญาณดิจิทัล
  
       4.2.2 การถ่ายโอนข้อมูล จำแนกได้ 2 แบบ คือ
             1. การถ่ายโอนข้อมูลแบบขนาน ทำได้โดยการส่งข้อมูลออกมาทีละหลายบิตพร้อมกัน จากอุปกรณ์ส่งไปยังอุปกรณ์รับ ผ่านสื่อกลางนำสัญญาณที่มีช่องทางส่งข้อมูลหลายช่องทาง  เช่น ส่งข้อมูล 11110001 ออกไปพร้อมกัน สายส่งก็ต้องมี 8 เส้น
                                      

             2.การถ่ายโอนแบบอนุกรม การถ่ายโอนอนุกรมจะเริ่มดดยข้อมูลแต่ละชุดจะถูกเปลี่ยนให้เป็นอนุกรมแล้วทยอยส่งออกไปทีละบิตไปยังจุดรับ แต่เนื่องจากการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ใช้ช่องทางแบบขนาน ดังนั้นจุดรับจะต้องมีกลไกในการเปลี่ยนแปลงข้อมูลที่รับมาทีละบิตให้เป็นชุดของข้อมูลที่ลงตัวพอดี
                               

      4.2.3 รูปแบบการรับ - ส่งข้อมูล การรับ - ส่งข้อมูลแบบขนานหรืออนุกรมสามารถแบ่งออกได้ 3 แบบ ดังนี้
          1.การสื่อสารทางเดียว ( simplex transmission ) ข้อมูลสามารถส่งได้หลายทางเดียวโดยแต่ละฝ่ายจะทำหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น เป็นผู้รับ-ผู้ส่ง
          2. การสื่อสารสองทางครึ่งอัตรา ( half duplex transmission )  สามารถส่งข้อมูลได้ทั้งสองฝ่าย แต่จะต้องผลัดกันส่งและผลัดกันรับจะส่งและรับพร้อมกันไม่ได้
          3.การสื่อสารสองทางเต็มอัตรา ( full duplex transmission ) สามารถส่งข้อมูลสองทางโดยที่ผู้รับและผู้ส่งสามารถรับส่งข้อมูลในเวลาเดียวกัน เช่น การสนทนาทางโทรศัพท์คู้สนทนาคุยโต้ตอบได้ในเวลาเดียวกัน

4.3 สื่อกลางใการสื่อสารข้อมูล
        4.3.1 สื่อกลางแบบใช้สาย
           1.สายคู่บิดเกลียว  สายนำสัญญาณแบบนี้แต่ละคู่สายที่เป็นสายทองแดงจะถูกพันบิดเกลียว เพื่อลดการรบกวนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากคู่สายข้างเคียงภายในสายเดียวกันหรือจากภายนอก  สายคู้บิดเกลียวมี 2 ชนิด คือ

                                       
        
         สายคู่บิดเกลียวแบบไม่ป้องกันสัญญาณรบกวน หรือสายยูทีพี ( UTP ) เป็นสายที่ใช้ในระบบโทรศัพท์ ต่อมาได้มีการปรับปรุงคุณสมบัติให้ดีขึ้น จนสามารถใช้กับสัญญาณความถี่สูงได้ ทำให้ส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วสูงขึ้น
          - สายคู่บิดเกลียวแบบป้องกันสัญญาณรบกวน ( STP ) ป็นสายที่หุ้มด้วยตัวกั้นสัญญาณเพื่อป้องกันการรบกวนได้ดียิ่งขึ้น สายเอสทีพีรองรับความถี่ของการส่งข้อมูลสูงกว่าสายยูทีพี แต่มีราคาแพงกว่า
   
          2.สายโคแอกซ์ เป็นสายนำสัญญาณที่เรารู้จักกันดี โดยใช้เป็นสายนำสัญญษณที่ต่อจากเสาอากาศเครื่องรับโทรทัศน์หรือสายเคเบิลทีวี ตัวสายประกอบด้วยลวดทองแดงที่เป็นแกนหลักหนึ่งเส้นหุ้มด้วยฉนวนเพื่อป้องกันกระแสไฟ้ารั่ว จากนั้นจะหุ้มด้วยตัวนำซึ่งทำจากลวดทองแดงถักเป็นร่างแหเพื่อป้องกันการรบกวนของคลื่อนแม่เหล็กไฟ้าและสัญญาณรบกวนอื่นๆ
                                       

           3.สายไฟเบอร์ออพติก ประกอบด้วยกลุ่มของเส้นใยที่ทำจากแก้วหรือพลาสติกที่มีขนาดเล็ประมาณเส้นผม แต่ละเส้นจะมรแกนกลางที่ถูกหุ้มด้วยวัสดุใยแก้วอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แคล็ดดิง
( cladding )
                                                       
        4.3.2 สื่อกลางแบบไร้สาย การสื่อสารแบบไร้สายอาศัยคลื่อนแม่เหล็กไฟฟาเป็นสื่อกลางนำสัญญาณ การสื่อสารแบบไร้สายมีผู้นิยมใช้มากชึ้น เนื่องจากมีความคล่องตัวสูงและสะดวกสบาย มักนิยมใช้กันในพื้นที่ทีการติดตั้งสายนำสัญญาณทำได้ลำบากหรือค่าใช่จ่ายในการติดตั้งสูงเกินไป สื่อกลางของการสื่อสารแบบนี้ เช่น อินฟราเรด ไมโครเวฟ คลื่อนวิทยุ และดาวเทียมสื่อสาร
                                           
                1. อินฟราเรด สื่อกลางประเภทนี้มักใช้กับการสื่อสารข้อมูลที่ไม่มีสิ่งกีดขวางรหว่างตัวส่งและตัวรับสัญญาณ เช่น การส่งสัญญาณจากรีโมตคอนโทรลไปยังเครื่องรับโทรทัศน์หรือวิทยุ
               
                2.ไมโครเวฟ เป็นสื่อกลางในการสื่อสารที่มีความเร็วสูงใช้สำหรับการเชื่อมต่อระยะไกลโดยการส่งสัญญาณคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้าไปในอากาศพร้อมกับข้อมูลที่ต้องการส่ง และต้องมีสถานีที่ทำหน้าที่ส่ง และรับข้อมูล
                
                 3.คลื่นวิทยุ  เป็นสื่อกลางที่ใช้ส่งสัญญาณไปในอากาศ โดยสามารถส่งในระยะทางได้ทั้งใกล้และไกล โดยมีตัวกระจายสัญญาณ ส่งไปยังตัวรับสัญญาณ และใช้คลื่นวิทยุในช่วงความถี่ต่างๆกันในการส่งข้อมูล
                
                 4.ดาวเทียมวิทยุ พัฒนาขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดของสถานีรีบส่งไมโครเวฟบผิวโลก โดยเป็นสถานีรับส่งสัญญาณไมโครเวฟบนอากาศ ในการส่งสัญญาณต้องมีสถานีภาคพื้อนดินคอยทำหน้าที่รับและส่งสัญญาณขั้นไปยังดาวเทียมที่โคจรอยู่สูงจากพื้อนโลกประมาณ 35,600 กิโลเมตร

4.4 เครือข่ายคอมพิวเตอร์
        เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงเข้าด้วยกันเพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลและทรัพยากรร่วมกันได้ เครือข่ายของคอมพิวเตอร์สามารถแบ่งออกเป็นประเภทตามพื้นที่ที่ครอบคลุมการใช้งานของเครือข่าย ดังนี้
     1. เครือข่ายส่วนบุคคล หรือ แพน   ( PAN ) เป็นเครือข่ายที่ใช้ส่วนบุคคล เช่น การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับโทรศัพท์มือถือ
     
     2.เครือข่ายเฉพาะที่ หรือแลน ( LAN ) เป็นเครือข่ายที่มช้มนการเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่อยู่ในพื้นที่เดียวกันหรือใกล้เคียงกัน เช่น ภายในบ้าน ภายในสำนักงาน และภายในอาคาร
     
      3.เครือข่ายนครหลวง หรือแมน ( MAN ) เป็นเครือข่ายที่มใช้เชื่อมโยงแลนที่อยู่ห่างไกลออกไป เช่น การเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่างสำนักงานที่อาจอยู่คนละอาคารและมีระยะทางไกลกัน
     
       4.เครือข่ายวงกว้าง หรือแวน ( WAN ) เป็นเครือข่ายที่ใช้ในการเชื่อมโยงกับเครือข่ายอื่นที่อยู่ไกลจากกันมาก เช่น เครือข่ายระหว่างจังหวัด

      4.4.1 ลักษณะของเครือข่าย แบ่งลักษณะเครือข่ายตามบทบาทของเครื่องคอมพิวเตอร์ในการสื่อสารได้ ดังนี้
       1.เครือข่ายแบบรับ-ให้บริการ หรือไคลเอนท์ / เซิร์ฟเวอร์ จะได้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เป็นเครื่องให้บริการต่างๆ เช่น บริการเว็บ และบริการฐานข้อมูล การให้บริการขึ้นอยู่กับการร้องขอบริการจากเครื่องรับบริการ
       2.เครื่อข่ายระดับเดียวกัน เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถเป็นได้ทั้งเครื่องให้บริการและเครื่องรับบริการในขณะเดียวกัน การใช้งานส่วนใหญ่มักใช้ในการแบ่งปันข้อมูล เช่น เพลง ภาพยนตร์ โปรแกรม และเกม

     4.4.2 รูปร่างเครือข่าย แบ่งออกเป็น 4 รูปแบบคือ
       1.เครือข่ายแบบบัส เป็นรูปแบบที่มีโครงสร้างไม่ยุ่งยาก สถานีทุกสถานีในเครือข่ายจะเชื่อมต่อเข้ากับสายสื่อสารหลักเพยงสายเดียวที่เรียกว่า บัส การจัดส่งข้อมูลลงบนบัสจึงไปยังทุกสถานีได้ ซึ่งการจัดส่งนี้ต้องกำหนดวิธีการที่จะไม่ให้ทุกสถานีส่งข้อมูลพร้อมกัน เพราะจะทำให้เกิดการชนกันของข้อมูล
                                               

     2.เครือข่ายแบบวงแหวน เป็นการเชื่อมแต่ละสถานีเข้าด้วยกันแบบวงแหวน สัญญาณข้อมูลจะถูกส่งอยู่ในวงแหวนไปในทิศทางเดียวกันจนถึงผู้รับ
                                                   

      3.เครือข่ายแบบดาว เป็นการเชื่อมต่อสถานีในเครือข่าย โดยทุกสถานีจะเข้ากับหน่วยสลับสายกลาง เช่น ฮับ หรือสวิตซ์ ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของการเชื่อมต่อระหว่างสถานีต่างๆที่ต้องการติดต่อ
                                      
      4.เครือข่ายแบบเมช เป็นรูปแบบของการเชื่อมต่อที่มีความนิยมมากและมีประสิทธิภาพสูง เนื่องจากถ้ามีเส้นทางของการเชื่อมต่อคู่ใดคู่หนึ่งขาดจากกัน การติดต่อสื่อสารระหว่างคู้นั้นยังสามารถติดต่อได้โดยอุปกรณ์จัดเส้นทาง จะทำการเชื่อมต่อเส้นทางใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางอัติโนมัติ

                                             
4.5 โพรโทคอล การเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์เครือข่ายที่ผลิตจากผู้ผลิตหลายรายผ่านทางระบบเครือข่ายชนิดต่างๆกัน ไม่สามารถเชื่อมต่อได้โดยตรง  สำหรับโพรโทคอลที่ใช้เป็นมาตรฐานในการสื่อสารแบบใช้สาย และแบบไร้สาย ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เช่น
                                                  
      ทีซีพี / ไอพี ( TCP / IP ) เป็นโพรโทคอลที่ใช้ในการสื่อสารในระบบอิเทอร์เน็ต โดยมีการระบุผู้รับผู้ส่งในเครือข่ายและจัดการแบ่งข้อมูลเป็นชื้นเล็กๆ ที่เรียกว่า แพ็กเก็ต
     
       - ไวไฟ ( Wi-Fi )  ผู้ใช้งานในบ้านหรือสำนักงานขนดเล็ก ส่วนใหญ่นิยมไวไฟในการติดตั้งระบบแลนไร้สาย โดยมรการติดตั้งแผงวงจรหรืออุปกรณ์รับส่งไวไฟที่เรียกว่า การ์ดแลนไร้สาย สัญญาณของอุปกรณ์จะอยู่ไม่เกิน 100 เมตรสำหรับการใช้งานภายในอาคาร และไม่เกิน 500 เมตร สำหรับการใช้งานในที่โล่งนอกอาคาร
    
      ไออาร์ดีเอ ( IrDA) เป็นโพรโทคอลใช้เชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับอุปกรณ์สื่อสารแบบไร้สายระยะใกล้ และไม่มีสิ่งกีดขวาง โดยใช้อินฟราเรดระหว่าง 115 kbps ถึง 4 Mbps ผ่านพอร์ตไออาร์ดีเอ
     
        บลูทูท เป็รโพรโทคอลที่ใช้คลื่อนวิทยุความถี่ 2.4 GHz ในการรับส่งข้อมูลโดยคล้ายกับแลนไร้สาย ตามมาตรฐาน IEEE 802.15 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์สามารถติดต่อสื่อสารกับอุปกรณ์ต่อพ่วงไร้สายอื่นๆ เช่น เครื่องพิมพ์ เมาส์ คีย์บอร์ด
                                            

 4.6 อุปกรณ์การสื่อสาร
      ทำหน้าที่รับและส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ส่งและรับข้อมูล โดยมีการส่งผ่านทางสื่อกลาง
      1.โมเด็ม เป็นอุปกรณ์ที่แปลงสัญญาณดิจิทัลเป็นสัญญาณแอนะล็อกและแปลงจากสัญญาณแอนะล็อกเป็นดิจิทัลเพื่อให้ข้อมูลผ่านทางสายโทรศัพท์ได้
           1.1 โมเด็มแบบหมุนโทรศัพท์ เป็นโมเด็มที่ใช่ต่อเข้ากับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านทางสายโทรศัพท์
           1.2  ดิจิทัลโมเด็ม เป็นโมเด็มที่ใช้รับ ส่งข้อมูลผ่านทางสายสัญญาณแบบดิจิทัล การเชื่อมต่อไม่จำเป็นต้องหมุนโทรศัพท์ไปที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยโมเด็มจะทำการเชื่อมต่อให้อัติโนมัติ
โมเด็ม
                                      


              ดีเอสแอล ( DSL ) เป็นโมเด็มที่ได้รับความนิยมในการใช้งานภายในบ้าน และสำนักงานขนาดเล็ก โดยสามารถรับแลัส่งข้อมูลดิจิทัลด้วยความเร็วสูงกว่าการเชื่อต่อผ่านโมเด็มแบบหมุนโทรศัพท์
              เคเบิลโมเด็ม  เป็นโมเด็มที่ทำหน้าที่รับแลัส่งข้อมูลดิจิทัลจากคอมพิวเตอร์ผ่านทางสายเคเบิลทีวี บางครั้งเรียกว่า บรอดแบนด์โมเด็ม สามารถรับและส่งข้อมูลได้สูงเหมือนกับดีเอสแอลโมเด็ม
    
    2.การ์ดแลน เป็นอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์กับสายตัวนำสัญญาณ ทำให้คอมพิวเตอร์สามารถรับและส่งข้อมูลกับระบบเครือข่ายได้
                                                 
     3.ฮับ เป็นอุปกรณ์ที่รวมสัญญาณที่มาจากอุปกรณ์รับส่งหรือเครื่องคอมพิวเตอร์หลายๆ เครื่องเข้าด้วยกัน ข้อมูลที่รับส่งผ่านฮับจากเครื่องหนึ่งจะกระจายไปยังสถานีที่จ่ออบู่บนฮับนั้น
                                       
     4.สวิตซ์ เป็นอุปกรณ์รวมสัญญาณที่มาจากอุปกรณ์รับส่งหรือคอมพิวเตอร์หลายเครื่องเช่นเดียวกับ
ฮับ แต่จะมีข้อมีข้อแตกต่างจากฮับ กล่าวคือ การรับส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ตัวหนึ่ง จะไม่กระจายไปยังทุกจุดเหมือนฮับ ทั้งนี้เพราะสวิตซ์จะรับกลุ่มข้อมูลมาตรวจสอบก่อนว่าเป็นคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ใด แล้วนำข้อมูลส่งไปยังคอมพิวเตอร์
                                           
     5.อุปกรณ์จัดเส้นทา เป็นอุปกรณ์ที่ใช้งานในการเชื่อมโยงเครือข่ายหลายเครือข่ายเข้าด้วยกัน หรือเชื่อมโยงอุปกรณ์หลายอย่างเข้าด้วยกัน ดังนั้นจึงมีเส้นทางการเข้าออกของข้อมูลได้หลายเส้นทาง
                                             
     6.จุดเชื่อมต่อแบบไร้สาย ทำหน้าที่คล้ายกับฮับของเครือข่ายแบบใช้สายเพื่อใช้สำหรับติดต่อสื่อสารระหว่างอุปกรณ์แบบไร้สายซึ่งข้อมูงจะถูกส่งผ่านทางคลื่อนวิทยุ ความถี่สูง
                                                 

4.7 ตัวอย่างการติดตั้งแลนภายในบ้าน
         สามารถทำได้โดยเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์อย่างน้อยสองเครื่องเข้าด้วยกันโดยผ่านสวิตซ์ และทำการปรับตั้งค่าโพรโทคอลการสื่อสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ที่อยู่ไอทีของแต่ละเครื่อง    
                               

....................................................................

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น