บทที่ 3 คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล
3.1. องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์
( computer )
เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์และไอซี ซึ่งสามารถจดจำ ประมวลผลข้อมูล เปรียบเทียบตัดสินใจทางตรรกศาสตร์ คำนวณทางคณิตศาสตร์
คอมพิวเตอร์ประกอบด้วยองค์ประกอบพื้นฐาน 5 หน่วย ได้แก่
1. หน่วยรับเข้า ( input unit ) ทำหน้าที่ รับข้อมูล หรือคำสั่งต่างๆจากผู้ใช้
2. หน่วยประมวลผลกลาง ( central Processing Unit : CPU ) หรือ ซีพียู ทำหน้าที่ ประมวลผลคำสั่งหรือข้อมูลที่รับเข้าไป
3. หน่วยความจำ ( memory unit ) ทำหน้าที่
เก็บโปรแกรมที่คอมพิวเตอร์กำลังประมวลผล
4. หน่วยส่งออก ( output unit ) ทำหน้าที่
แสดงหรือส่งข้อมูลที่ได้จากการประมวลผลจากซีพียูมาให้ผู้ใช้งานรับทราบ
5. หน่วยเก็บข้อมูล ( storage unit ) ทำหน้าที่
เก็บข้อมูลแบบถาวรบนคอมพิวเตอร์
3.2. หลักการทำงานบนคอมพิวเตอร์
การทำงานของคอมพิวเตอร์จะเริ่มจากผู้ใช้ป้อนข้อมูลผ่านทางอุปกรณ์ของหน่วยรับเข้า
แล้วข้อมูลจะถูกเปลี่ยนให้เป็นสัญญาณดิจิทัล
แล้วส่งต่อไปยังหน่วยประมวลผลกลาง เพื่อประมวลผลตามคำสั่ง หากมีคำสั่งให้นำผลลัพธ์จากการประมวลผลไปจัดเก็บในหน่วยความจำ
ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปที่แรม
3.2.1 ซีพียู
และการประมวลผลข้อมูล
- ซีพียู ( Central Processing Unit : CPU ) มีลักษณะเป็นชิป
ที่ติดตั้งอยู่บนเมมบอร์ด ภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ซึ่งชิปดังกล่าวเป็นสารกึ่งตัวนำขนาดเล็ก
- หน่วยควบคุม ( contral Unit )
ทำหหน้าที่ประสานงาน และควบคุมการทำงานของคอมพิวเตอร์
- หน่วยคำนวณและตรรกะ
หรือเอแอลยู ( Arithmetic – Logic Unit : ALU )
ทำหน้าที่ในการคำนวณต่างๆทางคณิตสาสตร์
การทำงานของเอแอลยู
จะรับข้อมูลจากหน่วยความจำมาไว้ในที่เก็บเพียงชั่วคราว เรียกว่า เรจิสเตอร์
3.2.2 หน่วยความจำ
และการจัดเก็บข้อมูล แบ่งออกเป็น 2 ชนิด
1. หน่วยความจำแบบไม่สามารถลบเลือนได้ ( non volatile memory ) เป็นหน่วยความจำที่เก็บข้อมูลได้
แม้ว่าจะไม่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยง
- รอม ( Read Only Memory : ROM ) เป็นหน่วยความจำแบบได้อ่านได้อย่างเดียว
มาสามารถลบและเขียนข้อมูลใหม่ได้
- หน่วยความจำแบบแฟลช ( flash
memory ) เป็นหน่วยความจำที่สามารถลบและเขียนข้อมูลใหม่
2. หน่วยความจำแบบลบเลือนได้ ( volatile memory ) เป็นหน่วยความจำที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเพื่อเก็บข้อมูล
- แรม ( Randon Access Memmory : RAM ) สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท
1. สแตติกแรม หรือเอสแรม (Static RAM :
SRAM ) มักพบในตัวซีพียู ทำหน้าที่
เป็นหน่วยความจำในซีพียูที่เรียกว่า หน่วยความจำแคช
2. ไดนามิกแรม หรือดีแรม ( Dynamic RAM : DRAM )
เป็นหน่วยความจำที่ใช้ในการจดจำข้อมูลและโปรแกรมต่างๆ
3.2.3
ระบบบัสการทำงานร่วมกันของคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ต่างๆ
ขนาดของบัสกำหนดกำหนดโดยจำนวนบิตที่คอมพิวเตอร์สามารถถ่ายโอน
ได้ในหนึ่งครั้ง
การบอกความเร็วบัสมักวัดเป็นจำนวนครั้งที่รับส่งข้อมูลได้ในหนึ่งหน่วยเวลา
ซึ่งมีหน่วยเป็น เฮิรตซ์
3.3. การเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมกับงาน
- งานเอกสาร
หรืองานในสำนักงาน
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับจัดการด้านเอกสาร
รายงาน ตกแต่งภาพ
ใช้ซอฟต์แวร์ประยุกต์
- งานกราฟิก เป็นการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับการจกแต่งภาพและออกแบบภาพ
และมีการเรียกใช้งานโปรแกรมกราฟิกหลายๆโปรแกรมในเวลาเดียวกัน
- งานออกแบบที่ต้องแสดงผลเป็น
3 มิติ
เป็นการใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบภาพ 3
มิติ สร้างภาพยนตร์ สร้างการ์ตูนแอนิเมชัน ตัดต่อวีดิทัศน์
3.4.การเลือกซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์
สำหรับผู้เริ่มใช้งานคอมพิวเตอร์ ไม่ควรซื้ออุปกรณ์มาประกอบเอง
3.4.1 ซีพียู
เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญที่สุดและเป็นปัจจัยแรกในการพิจารณาเมื่อคิดที่จะซื้อหรือประกอบคอมพิวเตอร์
เนื่องจากมีผลต่อการเลือกซื้ออุปกรณ์อื่น เช่น เมนบอร์ด เป็นต้น และซีพียูยังเป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่ในการประมวลผลข้อมูลของเครื่องคอมพิวเตอร์อีกด้วย
ในการเลือกซื้อซีพียูสามารถพิจารณาได้จากหลายปัจจัย เช่น บริษัทผู้ผลิต
ความเร็วซีพียู แคช ความเร็วบัส
ปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อซีพียู
1) บริษัทผู้ผลิต ในปัจจุบันมีบริษัทผู้ผลิตซีพียูชั้นนำ 2 บริษัท คือ บริษัทอินเทล (Intel Corporation) และบริษัทเอเอ็มดี (Advanced
Micro Devices : AMD) โดยทั้งสองบริษัทได้มีการผลิตซีพียูที่แบ่งตามจำนวนของแกนประมวลผล
(Processing core)
2) ความเร็วของซีพียู ความเร็วของซีพียูขึ้นอยู่กับความถี่สัญญาณนาฬิกา
ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่คอยกำหนดจังหวะการทำงานประสานของวงจรภายในให้สอดคล้องกัน
สัญญาณดังกล่าว
3) หน่วยความจำแคช (cache) ในซีพียูมีหน่วยความจำแคช
ซึ่งเป็นหน่วยความจำความเร็วสูงเพื่อให้การทำงานเร็วขึ้นเนื่องจากแรมมีความเร็วที่ช้ากว่าซีพียูจึงจำเป็นที่ต้องมีหน่วยความจำแคช
เป็นที่เก็บข้อมูลชั่วคราวเพื่อให้ซีพียูทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น
โดยควรพิจารณาเลือกซื้อซีพียูที่มีความจุของหน่วยความจำแคชมาก
4) ความเร็วบัส คือ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลระหว่างซีพียูและอุปกรณ์อื่นๆ
ควรพิจารณาซีพียูที่มีความเร็วบัสสูงและสอดคล้องกับความเร็วของอุปกรณ์อื่น เช่น
เมนบอร์ด และแรม
หน่วยความจำแคช
3.4.2 เมนบอร์ด (mainboard) หรืออาจเรียกว่า
มาเธอร์บอร์ด หรือโมโบ (motherboard : mobo) เป็นแผงวงจรหลักของคอมพิวเตอร์โดยทั่วไปจะประกอบด้วยช่องสำหรับติดตั้งซีพียูไบออส
ชิปเซ็ต ช่องสำหรับติดตั้งหน่วยความจำ สายสัญญาณ และบัสต่างๆ
แสดงส่วนประกอบของเมนบอร์ด
3.4.3 แรม ในการเลือกซื้อแรมเพื่อนำมาใช้งรานกับพีซี
มักจะเป็นแรมชนิดดีดีอาร์เอสดีแรม (Double Data
Rate Synchronous Dynamic RAM : DDR SDRAM) ซึ่งจะต้องพิจารณาประเภทของแรมให้ตรงกับสล็อตหน่วยความจำบนเมนบอร์ด
และสิ่งที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทั่วไปควรให้ความสำคัญในลำดับต่อมาคือ ขนาดความจุ
และความเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย
ตัวอย่างการระบุคุณลักษณะของแรม
ปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อแรม
1) ประเภทของแรม ต้องพิจารณาเลือกซื้อให้ตรงกับสล็อตหน่วยความจำบนเมนบอร์ด
แรมที่ใช้ในพีซี เช่น DDR , DDR2 และ DDR3 โดยแรมแต่ละชนิดจะมีตำแหน่งรอยบากที่แตกต่างกัน
เพื่อให้สามารถเสียบแรมบนสล็อตได้ถูกต้อง
2) ความจุ ปัจจุบันแรมมีให้เลือกตั้งแต่ความจุ 256 MB ขึ้นไป
เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานด้านกราฟิกหรือมัลติมีเดียระดับสูง
จะใช้แรมที่มีความจุสูงขึ้นตามไปด้วย
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในปัจจุบันมักจะติดตั้งแรมความจุ 1 GB ขึ้นไป
3) ความเร็วของแรม ความเร็วของแรม
หมายถึง จำนวนครั้งที่สามารถอ่านเขียนข้อมูลได้ภายในหนึ่งวินาที โดยมีหน่วยวัดเป็น
เมกะเฮิรตซ์ (MHz)
3.4.4 ฮาร์ดดิสก์ (hard disk) เป็นอุปกร์ในการเก็บข้อมูล
ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้กันในพีซีโดยทั่วไปคือ ฮาร์ดดิสก์ขนาด 3.5 นิ้ว
สำหรับฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาด 2.5 และ 1.8 นิ้วนั้นนิยมใช้กับโน๊ตบุ๊ก
ฮาร์ดิสก์
ปัจจัยในการพิจารณาเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์
1) การเชื่อมต่อ มาตรฐานการเชื่อมต่อของฮาร์ดดิสก์ที่ใช้งานอยู่บนพีซีในปัจจุบัน
ใช้มาตรฐาน EIDE และ SATA ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดว่ารองรับการเชื่อมต่อแบบใด
2) ความจุข้อมูล มีหน่วยเป็น กิกะไบท์ (GB) หรือเทระไบต์ (TB)
ซึ่งขนาดความจุข้อมูลของฮาร์ดดิสก์นั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ใช้งาน
3) ความเร็วรอบ เป็นอัตราเร็วในการหมุนของฮาร์ดดิสก์เพื่อให้หัวอ่าน-เขียน
เข้าถึงข้อมูลฮาร์ดดิสก์ที่มีความเร็วรอบสูงจะทำให้มีอัตราเร็วในการรับส่งข้อมูลสูง
โดยทั่วไปฮาร์ดดิสก์ของพีซีจะมีความเร็วรอบอยู่ที่ 7,200
รอบต่อนาที (rpm)
3.4.5 การ์ดแสดงผล (display card, graphics card หรือ video card) ทำหน้าที่แปลงข้อมูลดิจิทัลมาเป็นสัญญาณที่ส่งไปที่จอภาพ
การ์ดแสดงผลอาจอยู่ในรูปแบบการ์ดหรืออาจติดตั้งมาบนเมนบอร์ดแล้ว
การระบุคุณลักษณะของการ์ดแสดงผล
ปัจจัยในการเลือกซื้อการ์ดแสดงผล
1) ชิปประมวลผลกราฟิก
หรือจีพียู (graphic processing unit : GPU) เป็นอุปกรณ์พิเศษที่เพิ่มความเร็วในการแสดงผลโดยลดภาระซีพียูในการคำนวณข้อมูลที่จะส่งไปที่จอภาพ
ตัวอย่างการเลือกซื้อจีพียู เช่น ถ้าต้องการประมวลผลภาพสามมิติ อาจใช้ชิปของบริษัท
nVIDIA รุ่น
GForce 9 และ GTX2xx หรือชิปของบริษัท ATi รุ่น Radeon HD 4000
2) การเชื่อมต่อ มี 2 แบบ คือ แบบใช้กับบัส
PCI Express และบัส AGP โดย PCI
Express จะมีประสิทธิภาพสูงที่สุดซึ่งสามารถให้ความเร็วสูงสุดได้ถึง
16 GB/s ส่วน AGP มีประสิทธิภาพรองลงมา
3) ความจุของหน่วยความจำบนการ์ด หน่วยความจำบนการ์ด (Video RAM) เป็นส่วนที่ใช้เก็บข้อมูลภาพที่แสดงบนจอคอมพิวเตอร์
ถ้าความจุของหน่วยความจำมาก จะทำให้แสดงภาพมัลติมีเดียความละเอียดสูงได้ดี
การบอกความจุของหน่วยความจำบนตัวการ์ด เช่น DDR3 512 MB
3.4.6 ออปติคัลดิสก์ไดร์ฟ (optical disk drive) ที่ใช้กันในปัจจุบัน เช่น
ซีดีไดร์ฟและดีวีดีไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่พีซีทุกเครื่องควรมี
เนื่องจากซีดี/ดีวีดีไดร์ฟมีราคาถูกลงมากนอกจากนี้สื่อที่ใช้เก็บบันทึก เช่น
แผ่นซีดี แผ่นดีวีดี มีความจุสูงและมีราคาถูก
การพิจารณาเลือกซื้อออปติคัลดิสก์ไดร์ฟ
จะพิจารณาจากความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูล
ซึ่งแต่ละชนิดจะระบุความเร็วไว้แตกต่างกัน ตามชนิดของออปติคัลดิสก์ไดร์ฟ ดังนี้
1. ซีดีไดร์ฟ (Compact
Disc Drive : CD Drive) ใช้อ่านข้อมูลจากแผ่นซีดีได้อย่างเดียว
2. ดีวีดีไดร์ฟ (Digital Versatile Disc Drive : DVD
Drive) ใช้อ่านข้อมูลได้ทั้งแผ่นซีดีและแผ่นดีวีดี
แต่ไม่สามารถเขียนหรือบันทึกข้อมูลลงบนแผ่นซีดีหรือดีวีดีได้
3. ซีดีอาร์ดับบลิวไดร์ฟ (Compact Disc ReWritable Drive :
CD-RW Drive) สามารถอ่านและเขียนข้อมูลลงบนแผ่นซีดีได้
มีการระบุค่าความเร็วเช่น 52x/32x/52x หมายความว่า
ความเร็วในการเขียน CD-R เท่ากับ 52x ความเร็วในการเขียนซ้ำ
CD-RW เท่ากับ 32x และความเร็วในการอ่าน
CD-ROM เท่ากับ 52x
4. คอมโบไดร์ฟ (Combo Drive) สามารถอ่านและเขียนข้อมูลบนแผ่นซีดี
และอ่านข้อมูลจากแผ่นดีวีดี มีการระบุค่าความเร็ว เช่น 52x/32x/52x/16x
5. ดีวีดีอาร์ดับบลิวไดร์ฟ (Digital Versatile Disc ReWritable
Drive : DVD+RW Drive) สามารถอ่านและเขียนข้อมูลได้ทั้งแผ่นซีดีและแผ่นดีวีดี
มีการระบุค่าความเร็ว เช่น 20x/12x/20x/8x
การระบุค่าความเร็ว
3.4.7 เคส (case) โดยทั่วไปมีลักษณะเป็นกล่องสี่เหลี่ยม
ทำหน้าที่เป็นโครงยึดให้กับอุปกรณ์ภายในต่างๆ ที่ประกอบกันเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์
ทั้งเมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ แหล่งจ่ายไฟ เป็นต้น
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ในการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ภายในเคส
หลักในการพิจารณาเลือกซื้อเคส เช่น
- มีช่องระบายอากาศและระบบระบายความร้อน
- มีพื้นที่หรือช่องที่จะเพิ่มอุปกรณ์ได้
เช่น การเพิ่มฮาร์ดดิสก์ การเพิ่มซีดี/ดีวีดีไดร์ฟ
- ลักษณะของเคส เช่น
เคสในแนวนอน ที่เรียกว่า เดสก์ท็อปเคส (desktop case) และเคสในแนวตั้งที่เรียกว่า
ทาวเวอร์เคส (tower case)
เคสของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบต่างๆ
- ในกรณีที่เป็นการใช้งานโดยทั่วไป
อาจะเลือกใช้เคสที่มีแหล่งจ่ายไฟ (power supply) ติดตั้งมาให้สำเร็จแล้ว
แต่ถ้าต้องการติดตั้งอุปกรณ์ภายในหลายชิ้น เช่น ฮาร์ดดิสก์ การ์ดแสดงผลความเร็วสูง
และพอร์ต USB ควรพิจารณาเลือกแหล่งจ่ายไฟที่มีความสามารถสูงขึ้น
3.4.8 จอภาพ (monitor) ที่พบจะมีอยู่สองประเภทคือ จอซีอาร์ที (Cathode
Ray Tube : CRT) และจอแอลซีดี (Liquid Crystal Display :
LCD) ซึ่งในปัจจุบันจอแอลซีดีเป็นที่นิยมมากเนื่องจากมีราคาถูก
ถนอมสายตา ประหยัดพลังงาน และใช้พื้นที่ในการจัดวางน้อย
ปัจจัยในการเลือกซื้อจอภาพ
เช่น
- ความละเอียดของภาพ (resolution) หมายถึง จำนวนจุดหรือพิกเซลบนจอภาพ
ถ้าหากมีความละเอียดสูงจะทำให้ภาพคมชัดมากขึ้น ตัวอย่างเช่น จอภาพที่มีความละเอียด
1680 x 1050 เป็นจอภาพที่มีจุดภาพในแนวนอน 1680 จุด และมีจุดภาพในแนวตั้ง 1050 จุด
- ขนาด (size) ขนาดของจอภาพจะวัดเป็นแนวทแยงมุม
เช่น จอ 19 นิ้ว และแบบ 21 นิ้ว
คุณลักษณะของจอภาพ
3.5 การรับประกันอุปกรณ์คอมพิวเตอร์
อุปกรณ์คอมพิวเตอร์จะมีการรับประกันอายุการใช้งาน อุปกรณ์แต่ละชนิดจะมีระยะเวลารับประกันต่างกัน เช่น แรม รับประกันตลอดอายุการใช้งาน (life time) และฮาร์ดดิสก์อาจรับประกัน 1-5 ปี โดยอายุของการรับประกันที่นานขึ้น อาจมีผลทำให้ราคาสูงขึ้น บนอุปกรณ์บางชนิดจะมีสติ๊กเกอร์รับประกันติดอยู่บนตัวอุปกรณ์ซึ่งหากมีการฉีกขาดการรับ
ประกันจะสิ้นสุดลงทันที
3.6 ข้อแนะนำการดูแลและบำรุงรักษาเครื่องคอมพิวเตอร์เบื้องต้น
1. ไม่ควรเปิดฝาคอมพิวเตอร์โดยไม่จำเป็น
เนื่องจากอาจมีโลหะที่นำไฟฟ้าเข้าไปในเครื่องทำให้เกิดการลัดวงจร
หรือมีฝุ่นเข้าไปในตัวเครื่อง ฝุ่นนี้จะเป็นตัวเก็บความชื้นทำให้วงจรคอมพิวเตอร์ทำงานผิดพลาดได้
2. ไม่ควรตั้งเครื่องคอมพิวเตอร์ไว้ในสถานที่ที่มีอุณหภูมิสูง
เนื่องจากจะส่งผลให้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
3. ไม่ควรตั้งคอมพิวเตอร์ใกล้กับประตูหรือหน้าต่าง
เนื่องจากอาจโดนแสดงแดดหรือฝนสาดเข้ามาได้
4. ไม่ควรวางจอคอมพิวเตอร์ใกล้กับสนามแม่เหล็ก
หรือลำโพงตัวใหญ่ๆ
เนื่องจากสนามแม่เหล็กจะทำให้การแสดงภาพผิดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง
5. ถ้าหากที่บ้านไฟตกหรือมีไฟกระชาก
ควรมีเครื่องสำรองไฟยูพีเอส (Uninterruptible power supply : UPS)
6. ควรตั้งโหมดประหยัดพลังงานให้กับเครื่อง
เพื่อถนอมอายุการใช้งานเครื่อง
การทำงานในโหมดนี้จะทำให้ฮาร์ดดิสก์และซีพียูทำงานน้อยลงเมื่อไม่มีการใช้เครื่องในระยะเวลาที่กำหนด
7. ไม่ควรวางของเหลวใกล้กับเครื่องคอมพิวเตอร์
8. ไม่ควรปิดเครื่องโดยการกดสวิตซ์ปิด
ควรใช้คำสั่งปิดระบบปฏิบัติการ
เนื่องจากระบบปฏิบัติการต้องดำเนินการตรวจสอบสถานการณ์ทำงานต่างๆ ของฮาร์ดแวร์
และซอฟต์แวร์ก่อนจะหยุดการทำงาน
3.7
การแก้ปัญหาเบื้องต้นของพีซี
เครื่องคอมพิวเตอร์นับว่าเป็นอุปกรณ์ที่ทนต่อการใช้งาน
ถ้าหากใช้งานเครื่องอย่างถูกวิธีตามคำแนะนำที่กล่าวมา
แต่อย่างไรก็ตามมีบางปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้
ซึ่งผู้ใช้สามารถแก้ไขเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง เช่น
1. เครื่องหยุดทำงานขณะใช้งานอยู่
สาเหตุ แหล่งจ่ายไฟจ่ายกำลังไฟฟ้าไม่พอ
อาจเกิดจากมีอุปกรณ์ต่อพ่วงอยู่กับคอมพิวเตอร์เป็นจำนวนมาก
การแก้ไข
นำอุปกรณ์ที่ไม่จำเป็นที่ต่อพ่วงอยู่กับเครื่องคอมพิวเตอร์ออกไป
หรือเปลี่ยนแหล่งจ่ายไฟที่มีกำลังไฟฟ้ามากขึ้น
2. เปิดเครื่องแล้วปรากฏข้อความว่า
“DISK BOOT fAILURE, INSERT DISK SYSTEM PRESS ENTER”
สาเหตุ เครื่องบูตไม่พบฮาร์ดดิสก์
หรือระบบปฏิบัติการบนฮาร์ดดิสก์เสียหาย
การแก้ไข ตรวจสอบโปรแกรมไบออสว่า
บูตฮาร์ดดิสก์ในตำแหน่งที่ถูกต้องหรือไม่ หรือติดตั้งระบบปฏิบัติการบนฮาร์ดดิสก์
3. อ่านหรือเขียนแผ่นซีดี
/ ดีวีดีไม่ได้
สาเหตุ หัวอ่านเลเซอร์ของไดร์ฟสกปรก
การแก้ไข
ให้ใช้แผ่นซีดีทำความสะอาดหัวอ่าน โดยใส่แผ่นซีดีสำหรับทำความสะอาดเข้าไปในไดร์ฟ
แปรงขนาดเล็กที่อยู่ใต้แผ่นซีดีจะปัดทำความสะอาดหัวอ่านเลเซอร์ของไดร์ฟ
4. เครื่องรีสตาร์ต (restart)
เองขณะใช้งาน
สาเหตุ ซีพียูมีความร้อนสูง
การแก้ไข
ตรวจสอบพัดลมของซีพียูว่าทำงานหรือไม่ สายที่ต่ออยู่แน่หรือไม่
.......................................................................................................................................................
เครคิต+ขอขอบคุณ :
http://krukrit.kkw2.ac.th/
Reference ภาพบางส่วน : http://www2.krusunanta.net
ภาพประกอบจากหนังสือเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6